แล้วเราก็มาถึง Cuzco ... สนามบิน cuzco นี้มีขนาดเล็กมาก รับกระเป๋าเสร็จก็เจอคุณลุงคนขับรถที่จองไว้มาถือป้ายรอ คุณลุงว่าดูแก่มากแล้ว แต่รถคุณลุงแก่ยิ่งกว่า เราสองคนมองหน้ากันแล้วก็เป็นอันรู้กันว่า ทำใจ ทั้งเรื่องสภาพรถ และเรื่องที่คุณลุงพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยสักแอะ Taxi เราจองรถผ่านบริษัทที่ชื่อ Taxidatum ซึ่งให้บริการในเมืองใหญ่ๆในเปรู จองทางอีเมล เจ้านี้ได้เรทติ้ง 5 ดาวใน tripadvisor ราคาจากสนามบิน Cuzco แวะเที่ยว Pisac Ruins, Pisac Market ก่อนจะไปส่งเราที่โรงแรมใน Ollantaytambo ราคา 65USD หรือ 200 soles ถึงรถจะเก่าและคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่คุณลุงก็มีจิตใจบริการอย่างยิ่ง พยายามชี้ชวนให้ดูโน่นดูนี่ (แต่พี่ฟังไม่รู้เรื่อง) แวะจอดให้ถ่ายรูป แต่วิธีจอดและกลับเข้าถนนน่าหวาดเสียวมากจนแฟนฉันนั่งจับมือจับประตูไว้แน่น ที่นี่ขับชิดขวาเหมือนยุโรป แต่วิวอยู่ด้านซ้าย คุณลุงก็จะปาดว้าบไปจอดริมหน้าผา แล้วตอนออกมาก็ออกเลย ไม่ดูซ้ายดูขวา เล่นเอาโดนบีบแตรไปหลายรอบ Day 1: Cuzco - Pisac - Ollantaytambo สำหรับเส้นทางในวันแรกของเราจากสนามบินคุสโก ปลายทางของเราอยู่ที่ Ollantaytambo ซึ่งเป็นเมืองที่มีสถานีรถไฟไป Machu Picchu และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่มากเท่าไหร่ (2,300m) จริงๆแล้วรถไฟไปมาชูปิคชูมีหลายสถานี ที่คนนิยมไปนอนพักค้างคืนมากที่สุดก็คือที่นี่ และสถานีสุดท้ายคือ Aguas Salentes แต่ถ้าจะไปนอนที่สถานีสุดท้าย เราจะต้องหอบเสื้อผ้าขึ้นรถไฟไปด้วย และรถไฟขบวนนี้ก็ไม่ให้เอาสัมภาระใบใหญ่ขึ้นไปซะด้วย เราต้องรีบหนีออกจากคุสโกก็เพราะว่าที่คุสโกมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 3,400m หากวางแผนจะเที่ยวคุสโก คุณจะต้องให้เวลาร่างกายได้พักปรับตัวประมาณ2วัน แต่เราไม่มีเวลามากขนาดนั้น ก็เลยรีบมุ่งหน้าไปยังเมืองที่ต่ำกว่าโดยเร็ว โดยระหว่างทางเราจะแวะเที่ยวกันที่ Pisac หรือ Pisaq ซึ่งเป็นซากอารยธรรมอินคาอีกที่นึงโดยหารู้ไม่ว่าที่ Pisac ruins นี้มีระดับความสูงเท่าคุสโกเลยจ้า ระหว่างทาง ฉันเริ่มมีอาการปวดหัวก็เลยรีบกินยา Diamox กันไว้ แต่แฟนเราเกิดกลัวแพ้ยาขึ้นมา นางก็เลยไม่ยอมกิน ก่อนถึง Pisac จะมีด่านขายตั๋วค่าเข้าโบราณสถาน ซึ่งจะมีตั๋วแบบเหมา เข้าได้ประมาณสิบกว่าแห่งในเมืองคุสโกและ Ollantaytambo สนนราคาคนละ 130 soles ตั๋วมีอายุ 7 วัน ถ้ามีบัตรนักศึกษาจะซื้อได้ในราคาแค่ 70 soles ที่ Pisac นี้มองไกลๆเหมือนทุ่งนาขั้นบันได้ธรรมดาๆ แต่พอได้เข้าไปตรงนั้นจริงๆก็พบว่ามันใหญ่อลังการมาก และนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นการก่อสร้างแบบชาวอินคาใกล้ๆ หินแต่ละก้อนเชื่อมต่อกันลงล็อคสนิทอย่างน่าทึ่ง ความสมมาตร และเหลี่ยมมุมต่างๆ “เป๊ะ” อย่างไม่น่าเชื่อว่านี่คือสิ่งก่อสร้างเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว เนื่องจากเราไปถึงช้า ตลาดปิแซค หรือ Pisac market ก็เลยวายไปซะแล้ว จุดหมายถัดไปก็คือโรงแรมเลย ระหว่างทางคุณลุงจะคอยชี้ชวนให้ดูโน่นนี่ตลอดเวลา และก็จะถามว่าหยุดถ่ายรูปมั้ย โดยเฉพาะตามอนุสาวรีย์สัญลักษณ์ประจำเมือง ซึ่งเราสองคนมองหน้ากันแล้วก็ตอบ no ทุกครั้งไป คิดว่าคุณลงคงจะเสียเซลฟ์ไปเหมือนกัน ด้วยความเหนื่อยล้า เราถึง Ollantaytambo ในที่สุด ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ แต่จอแจไปด้วยนักท่องเที่ยว คนท้องถิ่นก็ยังคงใช้ชีวิตประจำวันอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน
แล้วเย็นนั้นเองที่เราได้รู้ว่า เจ้าโรค High Altitude Sickness มันเป็นยังไง เราไปทานอาหารกันที่ café ใกล้ๆโรงแรม สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดของมื้อนี้คือ Purple corn juice ที่มีรสชาติสดชื่นเหมือนน้ำผลไม้หลายๆอย่างรวมกัน (ก็เพราะว่าเค้าผสมน้ำผลไม้กับเจ้าข้าวโพดสีม่วงน่ะสิ – มารู้ทีหลัง) ส่วน Quinoa soup กับ pesto pasta รสชาติธรรมดา เพราะร้านนี้เป็น healthy concept นอกจากนี้เรายังได้สัมผัสรสชาติ coca tea เป็นครั้งแรกด้วย อิ่มแล้วก็เดินกลับที่พักแบบช้าๆ พอถึงหน้าโรงแรม แฟนฉันก็บอกว่าไม่ไหว แล้วไม่ทันขาดคำ นางก็อาเจียนออกมาหมดพุง ณ หน้าประตูโรงแรมนั่นเอง ฉันทำอะไรไม่ถูก สงสารแฟนมาก และก็เกรงใจโรงแรมมากเช่นกัน เลยได้แต่เดินหน้าซีดเข้าไปบอกรีเซปชั่นว่าขอน้ำถังนึง จะมาล้างพื้นให้ พอรีเซปชั่นรู้ว่าแฟนฉันอาการหนักขนาดนี้ก็รีบมาช่วยเอาน้ำล้างพื้นให้ แล้วไล่เราสองคนให้ขึ้นไปพัก เนื่องจากอาการหนักขนาดนี้ นางก็เลยยอมลองกินยา ซึ่งโชคดีมากว่าไม่แพ้ เช้ามาก็เลยมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาการของ High Altitude Sickness ของ HAS นี้ ก็คือ ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืด และหมดสติ (นี่คือเรียงตามลำดับความรุนแรงของอาการ) ก่อนจะมาทริปนี้ เท่าที่อ่านรีวิวในพันทิปก็เจอแค่คนเดียวที่เป็นมากขนาดหน้ามืดและเลือดกำเดาไหล ฉันก็เลยไม่ได้กังวลมากนัก (ก็กังวลอยู่เหมือนกัน ถึงได้วิ่งไปซื้อยา Diamox มาเตรียมไว้) วันถัดมาคือ Highlight ของทริปนี้... มาชูปิคชูที่ฉันรอคอย
0 Comments
Leave a Reply. |
Peruปุบปับเปรู Categories |