ทริปนี้เราเดินทางไปกลับด้วยสายการบินไทยค่ะ ราคาประมาณ 24,000 บาท ถ้าใครได้ตั๋วโปรจากสายการบิน low cost ก็น่าจะประหยัดส่วนนี้ไปได้เยอะ เราเลือกลงที่ Sydney จริงๆเมลเบิร์นจะใกล้แทสมาเนียมากกว่า และตั๋วโปรเยอะกว่า แต่เรามาซิดนีย์เพราะว่าจะได้มาเยี่ยมเพื่อนๆด้วยค่ะ อีกอย่างคือ ถ้าไปเมลเบิร์นแล้วไม่ได้เที่ยว Great Ocean Road ก็จะเสียดายแย่ เลยไม่ไปมันซะเลย เก็บไว้คราวหน้าค่อยไป สำหรับ 1-day in Sydney ของเราก็ไม่มีอะไรมากค่ะ ไปชม Harbour นัดเพื่อนกินข้าว ซื้อซิมมือถือ แค่นี้ก็หมดวันแล้ว จาก Sydney ไป Hobart เราบินด้วย Virgin Australia ค่ะ ราคาคนละ 135 AUD ไปไฟลท์เช้าสุดเลย ถึง Hobart ประมาณ 8:30 ไปถึงรับรถเช่าเรียบร้อย จุดหมายแรกของเราก็คือ Salamanca Market ซึ่งมีทุกวันเสาร์ มีร้านรวงมากมาย เป็นหนึ่งในตลาดนัดที่ “ต้องมา” แต่เราดันไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะมัวแต่หาของกิน -.-" ติดกับ Salamanca market ก็คือ Battery Road แค่เดินขึ้นบันไดมา ก็จะพบกับบ้านสวยๆงามๆ แล้วเราก็บังเอิญเจอร้านขนมแสนน่ากิน เดินอีกนิดเดียวก็ถึงที่พักค่ะ แต่เค้าก็ยังไม่ให้เช็คอิน เราจึงรีบมุ่งหน้าไป Bruny Island กัน Bruny island อยู่ทางใต้ของ Hobart ขับรถประมาณหนึ่งชัวโมงเพื่อไปขึ้น ferry ที่เมือง Kettering โดยเฟอร์รี่ ที่ข้ามไปเกาะมีทุกๆชั่วโมง (แล้วแต่ฤดูกาล) สามารถเช็คตารางได้ที่เว็บไซท์นี้ค่ะ http://www.brunyislandferry.com.au/bruny-island-ferry-timetable/index.html Bruny Island มีสองเกาะเชื่อมกัน คือ North และ South โดยจุดเชื่อมสองเกาะนี้ ก็คือ The Neck จุดชมวิวอันโด่งดัง การท่องเที่ยวบน Bruny Island สามารถทำได้ภายในครึ่งวัน หรือหากจะพักค้างคืนก็มีชายหาดสวยๆ และจุดชมวิวที่ต้องออกแรงเดินให้ได้แวะหลายจุด นอกจากนี้ยังสามารถท่องเที่ยวรอบเกาะด้วยเรือโดยซื้อทัวร์ซึ่งมีทั้งแบบเต็มวันและครึ่งวัน แต่ว่าเวลาเราไม่พอค่ะก็เลยอด จริงๆแล้วถ้ามีเวลาและอากาศดี แนะนำให้เที่ยวรอบเกาะด้วยนะคะเพราะจะได้เห็นมุมสวยๆที่มองไม่เห็นเมื่ออยู่บนเกาะค่ะ เนื่องจากที่นี่ลมแรงมากจึงไม่แปลกใจเลยที่ได้เห็นหน้าผาและโขดหินโดนเซาะเป็นแท่งหน้าตาประหลาดๆ หากเที่ยวรอบเกาะด้วยเรือ จะได้เห็นหน้าผาเหล่านี้ พร้อมทั้งสัตว์ต่างๆ อย่าง seal โลมา และถ้ามาในช่วงฤดูวาฬ ก็อาจจะได้เจอวาฬด้วยค่ะ วันที่เราไป อากาศค่อนข้างแปรปรวนค่ะ คนท้องถิ่น Tasmania มักจะบอกว่า ที่ Tasmania นี้สามารถมีอากาศสี่ฤดูได้ในวันเดียว ทั้งร้อน หนาว ฝน ลม มาครบเลยค่ะ ซึ่งวันแรกของเราก็จริงตามนั้นเลย แค่ระหว่างขึ้นเฟอร์รี่ช่วงไม่กี่นาที ด้านซ้ายแดดจ้า ด้านขวาฝนตก พอขึ้นเกาะก็แดดดีเป็นพักๆ ก่อนจะลมแรงและฝนตก สลับกันอยู่อย่างนั้น เอาล่ะ พอข้ามมาฝั่งมาถึงบนBruny แล้วก็ขับตรงไปเรื่อยๆ สักพักจะเจอจุดแวะแรกที่เราขอ highly recommend .... ซึ่งนั่นก็คือ “Get Chucked” oyster bar ค่ะ ถ้าใครชอบหอยนางรมจะต้องไม่พลาดที่นี่ เพราะเท่าที่กินมาทั้งทริป เราว่าหอยนางรมที่บรูนี่นี่ฟินสุดละ เพราะมันหอมเค็มทะเล และหวานด้วย แนะนำให้กินแบบแค่บีบมะนาวค่ะ จะได้รสธรรมชาติที่บรรยายไป แต่ถ้าใครไม่ทาน ... ถ้าไม่รังเกียจก็อยากให้ลองสักหน่อยนะ เดี๋ยวจะว่ามาไม่ถึง จากร้าน Get Chucked ขับตรงไปอีกไม่ไกลก็จะถึง The Neck ค่ะ จอดรถแล้วเดินขึ้นบันไดไปโลด ... ไม่สูงมากค่ะ น่าจะประมาณขึ้นตึกสามชั้น แต่ปัญหาคือ ลมแรงมาก แบบต้องเอามือเกาะราวตลอดเวลา บางครั้งถึงขนาดต้องหยุดเดินเลย ..กลัวปลิว ฮ่าๆๆๆ วิวข้างบนสวยดีนะคะ เราว่ามันดู amazing ดีนะ หาดสองด้านถูกคั่นด้วยคอคอดแคบนิดเดียว ถ้าฟ้าใสก็คงจะสวยมากเลย อ้อ ถนนบางช่วงบนเกาะจะเป็นลูกรังนคะ เข้าใจว่าเป็นโซนที่อยากให้ขับช้าๆ (เดาเอานะ เพราะดูไม่มีเหตุผลเลยที่จะเว้นการลาดยางเอาไว้) เพราะฉะนั้นต้องเผื่อเวลาให้กับบรูนี่นิดนึง อย่าคิดว่าเห็นในแผนที่เป็นเกาะเล็กๆแล้วแต่ละจุดหมายจะใช้เวลาน้อย ขับไปไม่ทันไร ฝนก็ตก แดดก็ออก ก็เลยได้เจอรุ้งแรกของวันนี้ (จากนั้นก็เห็นอีกหลายครั้ง เพราะเจ้าสภาพอากาศแบบงงๆนี้แหละค่ะ)
จาก The Neck จุดแวะส่วนใหญ่จะเป็นชายหาดค่ะ บางจุดที่สวยๆก็ต้องเดินนาน เช่น Cape Queen Elisabeth, Fluted cape เราก็เลยเที่ยวแบบขับรถวนรอบเกาะซะมากกว่า โดยจุดหมายต่อไปคือ Bruny Lighthouse ซึ่งฝนเจ้ากรรมผสมกับถนนลูกรังทำให้ขับรถได้ช้ามากกกกกมากว่าที่ประมาณไว้มาก จนเกือบจะถอดใจไม่ไป ... สุดท้ายฝ่าฟันไปจนถึง แต่ว่าฝนตกหนักมากจนเราไม่สามารถฝ่าไปขึ้นประภาคารได้ ได้แต่มองอยู่ไกลๆ และได้รุ้งมาอีกหนึ่ง จากตรงประภาคารนี้จะเป็นจุดใต้สุดของเกาะ ซึ่งมีหินแปลกๆเต็มไปหมด แต่ว่ามองจากฝั่งก็ไม่ค่อยเห็นค่ะ (นี่เวลานั่งเขียนรีวิวต้อง google หาข้อมูลประกอบไปด้วย เพราะว่าตอนที่เคยหาไว้ตอนจัดทริปมันลืมไปหมดแล้วค่ะ ... ปรากฏว่ามันทำให้เราอยากกลับไปอีกครั้ง ไปแบบอากาศดี ไปแบบนอนที่พักดีๆ ชิลๆ พักกายพักใจ เพราะว่าที่โน่นมันเงียบสงบมากจริงๆค่ะ) หลังจากเที่ยวครบตามที่วางแผนมาก็ตีรถกลับค่ะ ซึ่งก็ช้ากว่าที่คาดไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ตามแผนเดิมเราจะเลยไปอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวใน Hobart คือ Mount Wellington ที่นี่จะเป็นเขาสูง เป็นจุดชมวิวเมือง Hobart แต่ว่าด้วยสภาพอากาศแบบนี้ เรามองไปก็เห็นเมฆคลุมยอดเขามิดเลย และถ้าลมแรงระดับนี้ ขึ้นไปก็คงปลิวแน่นอน ก็เลยจำใจตัดทิ้งไปจากโปรแกรม
0 Comments
Leave a Reply. |
เลือกดูตามประเทศNew Zealand
Australia - Tasmania Archives
May 2021
Authorจาก Rainy in the blue sky ในพันทิป |