ทริปนี้ เราใช้เวลา 11 วัน ขับรถเที่ยวแบบทวนเข็มนาฬิกาในเกาะใต้ ประเทศนิวซีแลนด์ค่ะ ช่วงเวลาที่เดินทางคือวันที่ 5-17 เมษายน 2018 เป็นช่วง Autumn ของที่นู่นพอดี New Zealand เป็นประเทศที่อยู่ในลิสท์ แต่ไม่ใช่ priority ที่อยู่ในลิสท์ก็เพราะความสวยของธรรมชาติและ landscape ค่ะ เราเชื่อว่า นิวซีแลนด์เป็นประเทศในฝันของใครหลายๆคนเพราะความงามของธรรมชาติที่แหละ แต่ว่านิวซีแลนด์ไม่ใช่ priority ของเราเพราะเราว่าเป็นประเทศที่เที่ยวง่าย ขัดกับคอนเซปต์ของเราที่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องรีบไปเที่ยวในประเทศที่ต้องใช้พลังและความพยายามมากๆก่อนตอนที่ยังอายุไม่เยอะ แล้วค่อยเก็บประเทศที่เที่ยวง่ายๆไว้ทีหลัง ตอนอายุมากหน่อยก็ยังไปไหว นิวซีแลนด์ก็เลยตกไปอยู่อันดับท้ายๆของประเทศที่ “ต้องไป” แต่ที่อยู่ๆก็จัดทริปไปนิวซีแลนด์ ทั้งๆที่ตั๋วก็ไม่ถูก ก็เพราะว่า Host Family ของน้องชายคุณนายป่วยหนัก ก็เลยอยากจะไปเยี่ยม แล้วพอเริ่มคิดวางทริปก็พยายามหาเพื่อนมาจอยทริป ไปๆมาๆได้เพื่อนมาอีกสองคน นับว่าเป็นทริปใหญ่ทริปแรกในรอบหลายปีที่ไม่ได้ไปกันแค่สองคน ความยากของการจัดทริป คือ มีสถานที่ที่อยากไปมากกว่าจำนวนวันที่จะสามารถลางานได้ T_T ก็เลยจำใจต้องตัดบางที่ออกไป เพื่อให้ทริปไม่โหดเกินไปนัก ในส่วนอื่นๆของการเตรียมทริปที่สำคัญ ก็คือ วีซ่า และ การเช่ารถค่ะ
วีซ่านิวซีแลนด์ - ขอไม่ยากค่ะ แค่แพง เราใช้วิธีกรอกข้อมูลออนไลน์ แล้วเอาพาสปอร์ตไปส่งเอง (จริงๆสามารถส่งไปรษณีย์ได้ค่ะ แต่ว่าออฟฟิสเราอยู่ใกล้ศูนย์วิซ่านิวซีแลนด์ก็เลยไปส่งและไปรับเอง แต่ถือว่าพลาดเพราะว่าการไปส่งเองนั้นต้องรอคิวร่วมกับคนที่เอาฟอร์มมาสมัครที่ศูนย์ก็เลยใช้เวลานานมาก) โดยการขอวีซ่าออนไลน์สามารถทำได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ https://www.immigration.govt.nz/new-zealand-visas/apply-for-a-visa เอกสารก็ไม่มีอะไรมากค่ะ มีแค่รูปถ่าย (ใช้มือถือถ่ายก็ได้ แต่แสงต้องพอและไม่มีเงาค่ะ) สแกนพาสปอร์ต หนังสือรับรองการทำงาน ตั๋วเครื่องบิน ทริปแพลน bank statement จริงๆเราใช้วิธีสมัครแบบร่วมกับบัตรทองหรือบัตรเงินของการบินไทยค่ะซึ่งไม่ต้องส่ง bank statement ก็ได้ แต่ว่าก็อัพโหลดไปด้วยเผื่อๆ (ตอนกรอกใบสมัครจะมีข้อที่ถามว่าเราเป็น alliance กับอะไรบ้าง จะมีการบินไทยให้เลือกค่ะ ก็เลือกอันนั้นไป) แต่ความตื่นเต้นก็บังเกิด เมื่อเพื่อนๆเราได้วีซ่ากันอย่างรวดเร็วภายในสองวันหลังจากเอาพาสปอร์ตไปส่ง แต่เหลือเราคนเดียวที่ยังไม่ได้ ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ศูนย์เรียกไปรับพาสปอร์ตคืนทั้งๆที่เรายังไม่ได้วีซ่า เราเลยโทรไปถามที่ศูนย์ว่าให้ตามเรื่องให้หน่อยได้มั้ย แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ได้ค่ะ วิธีที่เราจะ follow up สถานะของวีซ่า คือเขียนจดหมายแล้วอัพโหลดเจ้าจดหมายนี้เพิ่มเข้าไปกับเอกสารที่นำส่งออนไลน์เพื่อให้มันมี notification ไปยังเจ้าหน้าที่ สุดท้ายหลังจากอัพจม.ไปสองวันก็ได้วีซ่าค่ะ โดยเรากับคุณนายได้ multiple 2 ปี ส่วนเพื่อนได้ 1 ปี กับอีกคนได้หกเดือน (เข้าใจว่าเพราะพาสปอร์ตเค้าอายุเหลือน้อยเลยได้แค่นั้น) เพราะฉะนั้นใครอยากได้สองปีก็เตรียมพาสปอร์ตที่อายุเกิน 2 ปี นะคะ เคยเจอว่าเพื่อนบางคนได้ถึง 3 ปีแน่ะ นอกจากนี้ การขอวีซ่าจะมีการขอแบบกลุ่มด้วย แต่จากการอ่านเว็บไซท์และเสิร์ชหาข้อมูล ไม่พบว่าต้องกี่คนถึงจะเรียกว่าเป็นกลุ่ม มีแค่เงื่อนไขว่าต้องไปกลับพร้อมกันแค่นั้นถึงจะเรียกว่าเป็นกลุ่ม เมื่อต้นปีมีเพื่อนเราลองขอแบบกลุ่มโดยที่ไปกันแค่สองคน ซึ่งปรากฏว่าได้ด้วยค่ะ โดยข้อดีของวีซ่าแบบกลุ่มคือค่าธรรมเนียมถูกกว่าขอแยกนั่นเอง การจองรถเช่า หัวใจของการไปเที่ยวนิวซีแลนด์แบบ road trip ก็คือ รถเช่า ค่ะ รถเช่าที่ nz ก็จะมีทั้งยี่ห้อ international ทั้งหลายที่เรารู้จักกันดีและยี่ห้อที่เป็นบริษัท local ซึ่งราคาของบ.inter จะแพงกว่าพอสมควร แต่ขอให้หมั่นเช็คโปรโมชั่นไว้ค่ะ เพราะมันสะดวกสบายกว่าในเรื่องของการรับและคืนรถ เพราะเคาน์เตอร์จะอยู่ในสนามบินเลย ส่วนบ.local จะตั้งอยู่นอก terminal ห่างไปไม่ไกลแต่ต้องไปรอรถ shuttle ซึ่งก็ทำให้หงุดหงิดใจพอสมควร เพราะแต่ละคนสัมภาระเยอะมาก จนต้องต่อคิวกันยาว แล้วคิวก็ไม่ค่อยเป็นคิว โดนแซงตลอด สำหรับยี่ห้อที่เราใช้คือ Apex ซึ่งคนไทยก็ใช้กันเยอะ และคุณนายผู้ซึ่งเคยอยู่ที่ NZ ก็บอกว่ายี่ห้อนี่ดีสุดละ สำหรับการเลือกรถ นอกจากเลือกจำนวนที่นั่งแล้ว อย่าลืมเลือกรถที่ขนาดพอรองรับกระเป๋าด้วยนะคะ เพราะเราไปกันหลายวัน ยิ่งถ้าอากาศหนาวกระเป๋าก็ยิ่งใหญ่และแถมจะออกลูกมาระหว่างทริปอีก เราเลยเลือก Toyota Rav4 ปรากฏว่าพอดีเป๊ะสำหรับ 4 คน! สุดท้าย อย่าลืมซื้อประกันแบบ full ไปเลยนะ บวก road side service ด้วยก็ยิ่งดี โดยเฉพาะคนที่จะขับไป west coast เพราะมันค่อนข้างห่างไกลเมืองมาก และทางคดเคี้ยวด้วย เกิดอะไรขึ้นมาจะได้ไม่ต้องควักตังเยอะนักค่ะ อ้อ! เราเช่า gps ด้วยเพราะหลายๆช่วงจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ เดี๋ยวนี้ยังมีบริการพวก transfer car ด้วย คือ บริษัทรถเช่าเค้าต้องย้ายรถจากเมืองนึงไปอีกเมืองนึงอยู่แล้ว โดยส่วนมากจะเป็นกรณีเอารถเกาะใต้ขึ้นเกาะเหนือ ดังนั้นเวลาเราเช่ารถแบบนี้ บริษัทรถจะไม่คิดค่าเช่าเลย เราแค่จ่ายค่าน้ำมันและเอารถไปให้ถึงตามกำหนด และค่าประกันซึ่งจะมีแบบstandardให้ แต่ถ้าเราอยากลด excess ก็สามารถจ่ายเพิ่มเองได้ และถ้าอยากจะได้เวลาเพิ่มบางเจ้าจะให้เช่าต่อด้วยราคาถูก อีก 6-10 วัน แต่ข้อเสียคือเราจะเลือกรถและเวลามากไม่ได้ ขึ้นอยู่กะดวงหน่อยๆ ถ้าใครที่เวลาค่อนข้าง flexible ควรลองเปิดดูดีลเรื่อยๆนะคะ ประหยัดไปได้เยอะ ลองเข้าไปดูในเวป https://www.transfercar.co.nz/ ข้อสำคัญ... ตอนนั่งเครื่องมาเกาะใต้ (เรานั่งการบินไทย พักเปลี่ยนเครื่องที่ Sydney แล้วต่อ Air New Zealand มา Christchurch) ให้นั่งดูวิดีโอการขับรถในนิวซีแลนด์ไว้เลยนะคะ เพราะว่าตอนไปรับรถเค้าจะถามว่าดูมารึเปล่า ถ้ายังไม่ได้ดูจะมีการอธิบาย ซึ่งก็จะเสียเวลาไปอีก ความยากของการขับรถที่นิวซีแลนด์คือ 1. การจำกัดความเร็ว เราเห็นถนนโล่งๆ แต่ขับได้แค่ตาม speed limit นี่มันอึดอัดมากค่ะ ฮ่าๆๆ ต้องระวังอย่าเผลอเหยียบ เพราะกล้องเยอะมาก และมีตำรวจซุ่มบางจุดด้วย แนะนำ บวกตามป้ายได้ไม่เกิน 10% นะคะ อ่อๆ การมี gps มันดีตรงที่มันมี speed limit โชว์ให้ตลอดและมีเสียงเตือนถ้าเราขับเกิน แต่ว่าข้อเสียคือ GPS ที่ได้มามันไม่อัพเดทเท่าไหร่ เลยมีหลายจุดที่เค้าเปลี่ยน speed ไปแล้ว เพราะฉะนั้นก็ต้องคอยดูป้ายเองด้วย และ 2. วงเวียน คือด้วยความที่ปริมาณรถไม่มาก แต่คนมีมารยาทและเคร่งครัดกฎจราจรมาก การใช้วงเวียนจึงนิยมกว่าไฟแดงในหลายๆที่ ถ้าเป็นเมืองที่รถน้อยจริงๆก็ไม่มีปัญหาค่ะ แต่เมืองท่องเที่ยวที่รถเยอะๆ อย่าง Queenstown นี่เรางงมาก ไม่รู้เมื่อไหร่คือไปได้ เมื่อไหร่ต้องหยุด จำง่ายๆคือให้ทางขวาไปก่อนเสมอ และเปิดไฟเลี้ยวเมื่อจะออกจากวงเวียน ส่วนการเติมน้ำมัน ปั๊มที่นี่ต้องเติมเองนะคะ โดยแค่ยกหัวจ่ายไปเสียบตัวถังแล้วกดปุ่ม "Fill" ก็จะเป็นการเติมเต็มถัง เสร็จแล้วก็เดินไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ หรือจะเสียบการ์ดก็ได้ค่ะ เวลาขับไกลๆนี่ควรเล็งเมืองที่จะเติมน้ำมันไว้ด้วยนะคะ เพราะว่าบางช่วงขับไกลมากๆกว่าจะเจอปั๊ม ถ้าหมดกลางทางจะแย่เอา นอกจากนี้ราคาน้ำมันในเมืองจะถูกกว่าปั๊มนอกเมืองเพราะฉะนั้นเจอเมืองใหญ่ก็จัดเต็มถังไปเลยค่ะ อีกเรื่องที่ยากมากๆคือการจัดทริปรับมือกับอากาศ ช่วงที่เราไปคือช่วงสงกรานต์ ที่นิวซีแลนด์ก็จะเข้าช่วงฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเป็นช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงมากกกกก เรากับเพื่อนนั่งเช็คพยากรณ์กันตั้งแต่เดือนกุมภา เช็คทุกวัน เพื่อตัดสินใจว่าเราจะไปหรือไม่ไปที่ไหนบ้าง เนื่องจากบางที่เช่น fox glacier, milford sound ถ้าฝนตกฟ้าปิดก็คือจบ เราเลยต้องมีแผนสำรองแล้วก็จองที่พักแบบ free cancel ไว้ เผื่อว่าถ้าอากาศไม่ดี เราก็จะได้ไม่ต้องไป ก่อนเดินทางจริงๆอากาศดูค่อนข้างสดใสเลยค่ะ แต่ว่าพอไปถึง Christchurch ข่าวก็ออกเลยว่าจะมีพายุ >.< จนต้องถือเคล็ดกะเพื่อน เปลี่ยนชื่อเป็น แดดจ้า กะ ฟ้าใส ตลอดทริป ฮ่าๆๆ สุดท้ายเราเฉียดไปเฉียดมากับฝน คือเจอบ้าง หนีทันบ้าง โดยรวมทริปก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจมากกก แต่ปัญหาคือ มันหนาวมากค่ะ หนาวกว่าที่แพลนไว้ เสื้อผ้าก็เลยไม่พอ ... ช้อปค่ะ จะรออะไร (แนะนำเสื้อและอุปกรณ์ของ Katmandu เลยค่ะ คุณนายมีบางตัวใช้มาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนก็ยังใช้ได้อยู่ คุ้มค่าสุดๆ แต่ถ้าใครไม่อยากปวดหัวกับเรื่องอากาศ ก็แนะนำให้ไปช่วงหน้าร้อน หรือหน้าหนาวไปเลยจะฟ้าใสไร้ฝนค่ะ นอกจากเรื่องสภาพอากาศ แนะนำให้เช็คเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตกด้วยนะคะ รวมถึงเวลาน้ำขึ้นน้ำลง เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งที่เราอยากจะไปก่อนพระอาทิตย์ตก บางแห่งอยากไปตอนน้ำขึ้น ที่พัก เนื่องจากทริปนี้เรามีกันสี่คน การนอน motel 2 ห้องนอนจึงเป็นสิ่งที่คุ้มค่าและสะดวกมาก เพราะว่ามีทั้งพื้นที่ส่วนกลางและครัว อันนี้จะช่วยเราประหยัดค่าอาหารไปได้มาก (และจริงๆแล้วเวลาไปเมืองบ้านนอกมันก็ไม่ค่อยมีร้านอาหารอยู่ดีค่ะ) แต่จะลำบากนิดนึงตรงที่มักจะมีห้องน้ำแค่ห้องเดียว ถ้าไปกันแค่ 1-2 คนและอยากประหยัดก็อาจจะเลือกนอนเป็น hostel แทนได้ค่ะ เพราะที่พักที่เป็นโรงแรมแพงมากทีเดียว Final plan เส้นทางของทริปนี้ เราวิ่งเป็นวงกลมทวนเข็มนาฬิกา โดยเริ่มจาก Christchurch ขึ้นไป Kaikoura เพื่อ mission ว่ายน้ำกับโลมา แล้ววนไปทางตะวันตก คือ Greymouth – Fox Glacier แล้ววกลง Wanaka – Arrow town – Queenstown แล้วกลับขึ้นมาทาง Mt. Cook ต่อด้วย Lake Tekapo แล้วกลับเข้า Chch ค่ะ โดยจริงๆ Arrow town นี่เป็น plan B ส่วน Plan A คือการขับรถลงไป Te Anau เพื่อ Milford Sounds แต่เนื่องจากเราอยากประหยัดเวลาขี้เกียจขับรถ ก็เลยคิดว่าถ้าอากาศเป็นใจ จะซื้อทัวร์ Milford Sound Flight จาก QTN ไปแทน ซึ่ง ณ วันที่ตัดสินใจ คือ วันที่พยากรณ์อากาศบอกว่ามีแดด! แต่หลังจากนั้นมันก็เปลี่ยนแหละค่ะ แต่ทำไรไม่ได้แล้ว เท่าที่เห็นจากรีวิวและเพื่อนที่ไปนิวซีแลนด์ คนส่วนใหญ่จะแพลนเป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกา คือไป Lake Tekapo ก่อน แต่ของเราต้องไป Kaikoura ก็เลยต้องวนทวนเข็มไปโดยปริยาย แต่เส้นทางทวนเข็มเราว่าก็ดีนะคะ เพราะฝั่ง West coast ขับรถยากกว่า ถ้าเอาไปไว้ท้ายทริปอาจจะรู้สึกล้าๆไปแล้ว Tips ด้วยความรอบคอบของเพื่อนเรา นางถามบริษัทที่จัด activity ก่อนทุกครั้ง ว่ามีบัตรอะไรลดได้บ้าง YHA ลดได้มั้ย เพราะว่าปกติ ในออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์นี่มักจะให้อภิสิทธิ์กับบัตร YHA ยกตัวอย่าง ทัวร์ Fox Glacier ลดให้ $15 เราเลยไม่ทำ เพราะมันไม่คุ้มค่าทำบัตร แต่ Milford Sound Flight นี่ลด 10% คือเท่ากับ $65 เลยค่ะ!! จะรออะไร ก็สมัครเลยค่ะ วิธีสมัครก็ง่ายแสนง่าย แค่เข้าไปในเว็บของ YHA ไทย (https://www.tyha.org/membership/) กรอกฟอร์ม โอนเงิน แล้วเรียกเมสเซนเจอร์ไปรับ ก็ได้บัตรภายในครึ่งวันค่ะ
0 Comments
Leave a Reply. |
เลือกดูตามประเทศNew Zealand
Australia - Tasmania Archives
May 2021
Authorจาก Rainy in the blue sky ในพันทิป |