ทริปวงกลมของเราเริ่มจาก Hobart (ตอนใต้) ทวนเข็มนาฬิกาไปทางตะวันออก - ขึ้นเหนือ - ตะวันตกเฉียงเหนือ - จนตอนนี้จะพาลงมาที่ตะวันตกกันค่ะ โดยจาก Stanley เราขับรถย้อนกลับเข้าไป Burnie เพื่อวกลงทิศใต้ไปยังจุดหมายถัดไป คือ Cradle Mountain ค่ะ ระหว่างทางก็แวะกินข้าว เติมน้ำมันให้เรียบร้อย เพราะระหว่างทางอาจจะไม่มีอะไรให้แวะเลยนะ Cradle mountain เป็นอุทยานแห่งขาติที่ต้องเสียค่าเข้านะคะ ตั๋วเป็นแบบ 24 ชม. ที่นี่มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติหลากหลายเส้นทางมาก ตั้งแต่ทางสั้นๆแบบ 15 นาที ไปจนถึงเส้นทางปีนเขาที่ต้องเดินกันเป็นวันๆ กว่าเราจะไปถึงก็สี่โมงแล้วค่ะ และอากาศปีดมาก คือเมฆเยอะจนมองไม่เห็นอะไรเลย และก็ใกล้มืดแล้ว เราจึงตัดสินใจว่าจะเข้าไปเดิน Enchanted Walk ซึ่งเป็นทางสั้นๆก่อน แบบชิลๆ เส้นทางนี้เดินสั้นๆแต่ว่าสวยจริงๆด้วยค่ะ ป่าเขียวชอุ่มมาก เพราะเป็นทางน้ำตก และมีสัตว์ตัวน้อยให้เห็นตามทาง
เอาล่ะ ในเมื่ออยากเที่ยวให้ครบ ก็ต้องยอมตื่นเช้าค่ะ … ปกติแล้วทางอุทยานจะไม่แนะนำให้ขับรถเข้ามาจนถึงทะเลสาบเพราะว่าทางค่อนข้างแคบและชัน และที่จอดรถมักจะเต็ม โดยถ้าที่จอดรถด้านบนเต็ม ด้านล่างจะแสดงสัญญาณไฟสีแดงไม่ให้ขึ้นมา ถ้าไม่ขับรถขึ้นมา สามารถจอดรถได้บริเวณ ticket office แล้วนั่งรถบัสขึ้นมา โดยรถบัสนี้มีความถี่ประมาณทุกครึ่งชั่วโมงค่ะ แต่เช้านี้ เราขึ้นมาก่อนรถบัสเที่ยวแรก และเช้าจนยังไม่มีใครมาเลยค่ะ หมอกหนามาก บอกเลยว่าเดินๆไปนี่เห็นข้างหน้าแค่ไม่กี่ร้อยเมตร แต่ก็สวยไปอีกแบบค่ะ มันชุ่มชื่นมาก อากาศบริสุทธิ์มาก แต่ไม่มีอะไรเหมือนในรูปที่เคยดูมาเลย T_T น้ำใสเป็นกระจก วันนี้ลมแรงจนเป็นคลื่นๆ ... ภูเขาใหญ่โตที่สะท้อนเงาลงน้ำ วันนี้หมอกหนาปิดหมด ไม่รู้แม้กระทั่งยอดของ cradle mountain อยู่ตรงไหน -.-" เช่นเดียวกับ enchanted walk เมื่อวาน ... เส้นทางรอบทะเลสาบนี้ ก็เป็น The Great Short Walk เช่นกันค่ะ ใช้เวลาเดินประมาณหนึ่งชั่วโมง บวกลบตามสปีด ส่วนใหญ่เป็นทางราบ ยกเว้นช่วงสั้นๆที่มีการขึ้นลงเนินพอประมาณ ... เหนื่อยพอได้ที่ ก็หายเหนื่อยเลยค่ะ เพราะหันไปเห็นสายรุ้งแบบใกล้ชิดสุดๆ ห้าหกวันมานี้ เห็นรุ้งบ่อยที่สุดตั้งแต่เกิดมาก็ว่าได้ (ก็เมืองไทยไม่ค่อยมีให้เห็นนี่นา) เดินจนจบรอบ ก็จะเจอกับแท่นวางกล้อง ให้แชะแล้วแชร์ มุมบังคับของ Cradle Mountain ... หึๆๆๆ เราได้มาแบบนี้ล่ะค่ะ (รูปสุดท้ายด้านล่าง) เป็นอันจบไปอีกหนึ่ง check point ... ต่อไปก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมายสุดท้ายของ Tasmania trip กันค่ะ ... จาก Cradle Mountain เรามุ่งหน้าลงใต้ ไปยังเมืองที่ชื่อว่า Strahan (อ่านว่า สตรอน ... แต่อย่าถามว่าทำไม -.-') Strahan นี้เป็นเมือง Heritage อย่างแท้จริง โดยมีสองอย่างที่พลาดไม่ได้ คือ การนั่งรถไฟหัวจักรไอน้ำ และ การนั่งเรือล่องแม่น้ำ Gordon ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ตอนแรกเราตัดใจไม่ใส่เมืองนี้เข้ามาในแพลน เพราะว่าการเดินทางจาก Hobart นั้นใช้เวลานาน แต่เมื่อดูไปดูมาแล้วอดเสียดายไม่ได้ เลยขออนุมัติขยายวันที่อยู่แทสมาเนีย เพื่อใส่เมืองนี้เข้ามาให้ครบเป็นทริปวงกลม (ถ้าไม่แวะมา strahan จาก cradle mountain ก็สามารถขับรถกลับไปขึ้นเครื่องที่ Hobart หรือ Launceston ได้ ไม่ไกลมากด้วยค่ะ ประมาณ 4 ชม.) และที่ทำให้ต้องกระหืดกระหอบมาที่นี่ ก็เพราะว่าจองรถไฟเอาไว้ โดยรถไฟที่ออกจาก Strahan จะมีสองเส้นทาง คือ Strahan – Dubbil Barril – Strahan ใช้เวลาประมาณ 4 ชม.ส่่วนอีกเส้นทางนึงคือ Queenstown explorer จะใช้เวลาเต็มวัน วิวสวยกว่า แต่ว่าก็น่าจะเบื่อเหมือนกันนะคะ ทั้งสองเส้นทางไม่ได้วิ่งทุกวัน ต้องเข้าไปเช็คในเว็บ http://www.wcwr.com.au/ นะคะ เพราะแต่ละเดือนตารางจะไม่เหมือนกัน ส่วนที่นั่ง มีสองแบบ คือ Wilderness Carriage เป็นแบบไฮโซค่ะ มีอาหารและเครื่องดื่มเสิร์ฟให้ (ราคารวมในค่าตั๋ว) และแบบ Heritage Carriage คือแบบถูกที่เรานั่งนี่แหละค่ะ ในตู้รถไฟสวยงามค่ะ เบาะนั่งสบายพอควร และจะมีตู้ขายอาหารและเครื่องดื่ม เส้นทางของเรา จะมีจุดจอดสองสถานี เพื่อเติมน้ำให้เครื่องจักร และตู้อาหารก็จะเปิดขาย รวมทั้งจะมีสถานีที่มีของฝากขายด้วย ของฝากที่ว่าก็คือน้ำผึ้ง leatherwood honey ซึ่งจะมีกลิ่นเฉพาะตัว ซื้อเป็นของฝากได้ค่ะ ส่วนป้ายสุดท้าย Dubbil Barril จะมีไฮไลท์ของการกลับหัวรถจักร เป็นแบบ manual คือใช้เจ้าหน้าที่หมุนเอาเลยค่ะ จากนั้นก็จะมีเส้นทางเดินป่าสั้นๆ เดินง่ายๆ สวยดีค่ะ จบทริปรถไฟไปแบบชิลๆ กิจกรรมต่อไปที่เค้าแนะนำก็คือ การแสดง (คล้ายๆ) ละครเวที ชื่อ the ship that never was ซึ่งเรทติ้งใน trip advisor ดีมาก เรื่องราวอ้างอิงมาจากประวัติศาสตร์จริงๆของแทสมาเนีย แต่ว่าที่สนุกคือมุกเสียดสีต่างๆที่เราไม่เข้าใจ T_T คือภาษาอังกฤษเราอยู่ในขั้นพอใช้ ไม่เคยเรียนเมืองนอก ดังนั้นบางแสลง หรือ บางมุก คือไม่เข้าใจเลย ยิ่งสำเนียงออสซี่นี่จบเลยค่ะ สรุปว่าเราไม่ค่อยขำ ฮือๆ ถ้าภาษาแข็งแรงก็แนะนำค่ะ ...แต่ที่พักคืนนี้ คือพลาดที่สุดในทริป นอนแทบไม่หลับเลย เก่าและโทรมมาก (ชื่อ regatta point tavern) เตียงหย่อน และมีแสงฟ้าแลบรบกวนตลอดคืน รีบตื่นไปล่องเรือกันค่ะ! สำหรับเรือล่องแม่น้ำกอร์ดอน มีสองเจ้าค่ะ คือ World Heritage Cruise (http://www.worldheritagecruises.com.au/ ) กับ Gordon River Cruise (http://www.gordonrivercruises.com.au/ ) ซึ่ง operate โดย RACT … RACT นี่เป็นเครือที่ค่อนข้างใหญ่ในแทสมาเนีย ทำเกี่ยวกับรถยนต์และท่องเที่ยว ซึ่งบางคนใน Tassie ไม่ชอบบริษัทนี้เพราะว่าเค้าทำบ่อนด้วย (อันนี้รู้เพราะว่าเราเคยไปโพสท์ถามใน group Aurora Austrail เกี่ยวกับการล่องเรือที่ Strahan ก็มีบางคนเข้ามาบอกว่าให้ไปของบ. World heritage เพราะว่าเป็นเจ้าดั้งเดิมและทำโดยคนแทสซี่จริงๆ แต่ก็มีคนมาค้านว่า Gordon ก็จ้างคนแทสซี่ทำเหมือนกันแหละ อะไรประมาณนี้แหละค่ะ) ยังไงก็ตาม เราไม่ได้เลือกเพราะเจ้าไหน original กว่ากันหรอกค่ะ แต่ว่าเลือกเจ้าที่ออกเช้ากว่า เพราะว่าจะได้กลับไป hobart ก่อนมืด >.< เลยจบที่ Gordon River Cruise ซึ่งออกเร็วกว่าครึ่งชั่วโมงค่ะ ทัวร์จะเริ่มจากท่าเรือ ออกไปยังปากอ่าวในส่วนของ Hell Gate ที่มีประภาคารอยู่ ที่เรียกว่าเป็น hell gate ก็เพราะว่าเป็นทางผ่านไปสู่ sarah island ซึ่งเป็นเกาะนักโทษ เมื่อผ่าน sarah island แล้วเรือก็จะเข้าสู่แม่น้ำ Gordon ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์จนได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ถ้าไม่มีคลื่นลม แม่น้ำในนี้จะใสเป็นกระจกสวยมาก แต่ว่าวันนี้ลมแรง แม่น้ำก็เป็นคลื่นตามระเบียบค่ะ (คือต้องไปซ่อมทริปนี้จริงจัง เพราะคราวนี้อากาศไม่เป็นใจเลย) เมือล่องเข้าไปสักพัก เรือจะจอดให้ลงไปเดินไปเดินป่ากันค่ะ โดยเค้าทำทางไว้ดีมาก เดินไปนี่ว้าวหลายรอบเลย เพราะว่าต้นไม้ใหญ่อลังการมาก และเฟิร์น มอส ต่างๆนานา ขึ้นกันเขียวชะอุ่มไปหมด สุดท้ายก่อนขึ้นเรือ เรายังได้เห็นเจ้าตัวนี้ด้วย น่าตาคล้ายๆล็อบสเตอร์น่ากินมาก ฮ่าๆๆ พอกลับขึ้นมาก็จะเป็น lunch buffet ในเรือ ซึ่งอาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารเย็นๆ เช่จนสลัด พาสต้า ไรงี้ ไม่ถูกปากเท่าไหร่ค่ะ แต่ก็ทานได้ สำหรับเรือยี่ห้อนี้จะแวะ Sarah island ก่อนกลับเข้าฝั่งค่ะ (เข้าใจว่าอีกยี่ห้อนึงจะแวะก่อนเข้าแม่น้ำ) ส่วนไกด์ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นักแสดงที่เล่นละครเวที the ship that never was นั่นเอง ดังนั้นระหว่างทัวร์ก็จะได้รับฟังการบรรยายที่มีอรรถรสค่ะ Sarah island นี้เป็นเกาะคุมขังนักโทษที่โหดร้ายแห่งหนึ่งเลย มีนักโทษที่พยายามว่ายน้ำหนีด้วย และมีคนทำสำเร็จด้วยนะ มีคนนึงพยายามหนีทั้งหมด 17 ครั้ง ... อันนี้นับถือเลย เมื่อเรือจอดที่ฝั่งก็ได้เวลาเผ่นกันล่ะค่ะ เพราะว่าเส้นทางจาก Strahan เข้า Hobart นั้นใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งทางทั้งชัน เปลี่ยว และป่า มีหลายช่วงมากที่เราต่างคนต่างคิดเงียบๆในใจว่าถ้ารถเป็นอะไรจะทำยังไง เพราะสัญญาณมือถือก็ไม่มี เนื่องจากอยู่ในเขา มาพีคสุดๆ คือตอนที่โดน wallaby ตัดหน้า เรานี่ร้องกรี๊ดแล้วหลับตาอย่างเดียว เพราะกะว่าชนแน่นอน แต่โชคดีมากว่าแฟนเรายังประสาทแข็ง... นางร้องตามนะ แต่ว่าเบรคทัน ฮ่าๆๆ รอดตัวไป แต่ก็เล่นเอาใจสั่นค่ะ พอเห็นจุดพักก็เลยต้องแวะบ้าง ช่วงนั้นที่บอกว่ากลัว คือเป็นโซนของ world heritage นี่แหละ เป็นเส้นทางยาวเกือบ 70 กิโล กว่าจะพ้นมาได้ ก็ยังอีกไกลกว่าจะถึงเมือง สุดท้ายถึงโฮบาร์ททุ่มกว่า แล้วก็มาคุยกันทีหลังว่า จริงๆแล้วคือคิดเหมือนกันเลยว่า ถ้าเกิดอุบัติเหตุจะทำไง แต่ทั้งคู่คือเก็บความกลัวไว้เงียบๆไม่มีใครพูดออกมา ... ดังนั้น นี่เป็นเส้นทางที่เราไม่แนะนำเลยค่ะ หรือถ้าจะขับจริงๆควรออกแต่เช้า เผื่อเวลาให้ทั้งวันเลย เพราะว่ามันเป็นเส้นทางที่ขับแล้วเครียดมากจริงๆ ในที่สุดเราก็กลับมาถึง hobart โดยปลอดภัย เช้ามาก็ส่งรถที่สนามบินตั้งแต่มืดแล้วขึ้นเครื่องไป Queensland เพื่อ great barrier reef เป็นอันจบทริปแบบชุ่มฉ่ำปอด สูดอากาศบริสุทธิ์กันไปเก้าวันถ้วน อยากกลับไปแทสมาเนียอีกจริงๆเลย
0 Comments
Leave a Reply. |
เลือกดูตามประเทศNew Zealand
Australia - Tasmania Archives
May 2021
Authorจาก Rainy in the blue sky ในพันทิป |