วันถัดมา เราใช้เวลาช่วงเช้าในการเดินเที่ยวใน Ollantaytambo เป็นเช้าที่ดีมาก เพราะอากาศดี เงียบสงบ สำหรับ complex ที่โอยันนี้ เป็นซากประวัติศาสตร์อินคาเช่นกัน ความน่าประทับใจของที่นี่คือความยิ่งใหญ่ของภูเขาที่ล้อมรอบทำให้อดทึ่งไม่ได้ (อีกแล้ว) ถึงความสามารถของชาวอินคา เช่นเดียวกับมาชูปิคชู ก้อนหินที่นี่เรียงกันแนบสนิทไร้ช่องว่าง แต่ฉันว่าก้อนหินที่นี่ใหญ่กว่าที่มาชูปิคชูซะอีก เราใช้เวลากันที่ complex ราวๆชั่วโมง จาก complex เราเดินเรื่อยเปื่อยตามผู้คนไป แฟนฉันตาดีเห็นผู้คนถือตะกร้าเดินไปในทิศทางเดียวกัน มั่นใจว่าเป็นตลาดแน่ๆ เราจึงเดินตามไปไม่รอช้า ตลาดที่นี่เป็นอาคารปูนขนาดเล็กนิดเดียว ด้านในมีแผงผัก ผลไม้ ไก่ เนื้อ อย่างละ 2-3 ร้าน แผงเนื้อสัตว์นี่มากันแทบจะเต็มตัว ทั้งหัว หาง ขา เรียกว่าอยากจะเป็นมังสวิรัติกันไปเลย สุดท้ายเลยไม่ได้ซื้ออะไรแม้แต่ผลไม้ เพราะมัวแต่ตกใจแผงเนื้อ ช่วงสายๆเรานัดแท็กซี่เจ้าเดิมมารับ แต่วันนี้โชคดีได้รถใหม่ แถมคนขับพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย เราเลยสบายใจว่าจะได้ไปนี่ที่ต้องการ ฮ่าๆๆ ปลายทางของวันนี้คือเข้าคุสโก แต่เราจะมีการแวะเที่ยวระหว่างทางเช่นเคย โดยจุดแวะแรกคือ Moray ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างยุคอินคา ที่นี่เป็นเหมือนศูนย์ทดลองเกษตร มองจากด้านบนจะเห็นแปลงทดลองนี้เป็นวงกลมเป็นขั้นๆลงไป โดยมีทั้งหมดสามแปลง ตอนแรกมองลงไปก็รู้สึกเฉยๆ แต่พอเดินลงไปแล้วทึ่งมาก เพราะว่ามันใหญ่มาก (คือถ้ามองจากไกลๆจะไม่รู้ว่ามันใหญ่ขนาดนี้) ที่ทราบว่าเป็นแปลงทดลองก็เพราะว่ามีการค้นพบพืชหลากหลายชนิดในแต่ละขั้น จึงมีการสันนิษฐานว่าแต่ละขั้นนั้นมีอุณหภูมิและความชื้นต่างกัน จึงต้องมีการทดลองปลูกพืชหลายๆชนิดเพื่อให้ทราบว่าพืชชนิดไหนเติบโตได้ดีที่สุดในขั้นไหน เส้นทางจากโอยันมาที่นี่ไม่ไกลค่ะ แต่ว่าคนขับของเรายิ่งทำให้มันเร็วขึ้นไปอีกโดยการพาไปทาง (ที่น่าจะ)ลัด เพราะนานๆจะเจอรถสักคัน ทางขึ้นไปคดเคี้ยวมากและเป็นดินลูกรัง แต่ว่าวิวสวยมาก มองลงมาด้านล่างจะเห็น Sacred Valley กว้างใหญ่ และมีฉากภูเขาน้ำแข็งอยู่เบื้องหลัง ยิ่งพอขึ้นไปสูงสุดยอดเขา ด้านบนจะเป็นเนิน(เกือบราบ) มีการทำเกษตรและปศุสัตว์ มองแว่บๆที่วิวอย่างกับสวิตเซอร์แลนด์เลยทีเดียว แต่ถ้าเพ่งดีๆก็จะเห็นถนนลูกรัง เราก็เลยเรียกที่นี่ขำๆว่า "สวิตลูกรัง"
จุดแวะที่สามคือ Chinchero จริงๆอันนี้ไม่อยู่ในลิสท์แต่คนขับบอกว่าผ่านนะ ไม่แวะเหรอ เราก็เลยแวะสักหน่อย เข้าใจว่าเป็นหมู่บ้านและซากอินคาที่โดนสเปนสร้างโบสถ์ทับ ก็สวยดีอีกแบบ ที่นี่เราได้แวะซื้อข้าวโพดด้วย ข้าวโพดที่นี่ฝักไม่ใหญ่แต่เม็ดใหญ่มาก และเป็นสีขาวแบบข้าวโพดข้าวเหนียวบ้านเรา รสชาติออกจะจืดแต่หอมมัน หนุบๆ คนที่นี่เค้าไม่ได้แช่น้ำเกลือเหมือนบ้านเรา แต่ว่าจะกินคู่กับชีส ใช้เวลาไม่นานเราก็ถึงคุสโก แต่ว่าใช่เวลารถติดในเมืองคุสโกพอสมควร Cusco นี้เป็นเมืองบนเขา โดย main plaza อยู่ที่พื้นราบ และบ้านเรือนสร้างขึ้นไปตามเนินสูงขึ้นไปจนถึงยอดเขา งานนี้มีช็อคกันยกใหญ่เพราะว่าที่พักที่เราจองไว้อยู่บนเขาสูงมาก ซ้ำร้ายคือต้องเดินขึ้นบันไดจากถนนไปอีกสิบกว่าขั้น เล่นเอาโดนแฟนโกรธกันเลย เราเองที่พลาดไม่ได้อ่านรีวิว เพราะเห็นว่าเรทติ้งดีมาก ได้ 9.4 เลยไม่คิดว่ามีอะไรน่าห่วงและห้องก็สวยมากเลยรีบจอง หลังจากผิดหวังอย่างแรงกับ location เราก็ต้องทำการบ้านกันสักหน่อยว่าจะเที่ยวคุสโกกันยังไงดีในเมื่อต้องมาอยู่บนเขาอย่างนี้ ราคา day tour ของโรงแรมก็แพงแสนแพง สุดท้ายเราก็เลยสรุปว่าจะเช่าแท็กซี่เจ้าเดิมให้พาเที่ยวรอบเมือง ตกเย็นเราออกมาเดินเล่นแถวๆโรงแรมและหาร้านอาหารเย็น ร้านที่โรงแรมแนะนำนั้นเต็มทั้งสองร้าน ก็เลยไปทานร้านข้างๆ ชื่อ Uchu เป็นร้านสเต็ก โชคดีมากว่ามีที่นั่ง เพาะดูท่าแล้วร้านที่เรทติ้งดีๆต้องจองล่วงหน้าทุกร้าน มื้อนี้เป็นมื้อแรกที่เราได้ลอง Pisco Sour คอคเทลอันเป็น signature ของเปรู ซึ่งมีส่วนผสมของ Pisco เหล้าที่ผลิตในเปรูเท่านั้น ผสมกับน้ำมะนาว และไข่ขาว และเป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่เราได้ลองกินเนื้อ Alpaca รวมทั้งชิมแมนู Ceviche’ อาหารประจำประเทศเปรูก็ว่าได้ โดย Ceviche ที่นี่อร่อยมากๆ เหมือนยำปลาดิบที่นัวๆด้วยมันหวานและข้าวโพด สรุปว่ามื้อนี้เป็นมื้อที่ดีมากๆมื้อนึง แต่... ขากลับโรงแรมนั้นเราต้องเดินขึ้น โดยระยะทางใน google map คือ 800 เมตร แต่ด้วยความที่อยู่บนที่สูงและอากาศหนาว เราจึงเหนื่อยง่ายกว่าปกติมาก กว่าจะถึงห้องก็แทบแย่ HAS Attack! เนื่องจากเหนื่อยกันมาทั้งวัน แฟนฉันตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมกับอาการหายใจไม่ออก ฉันนั่งเสิร์ชอินเตอร์เน็ตและส่งข้อความไปปรึกษาเพจ หมอๆตะลุยโลก ว่าทำไงดี โชคดีมากที่เวลาในไทยเป็นกลางวัน น้องหมอตอบเร็วมากๆ และให้คำปรึกษาว่าควรเพิ่ม dose ยา Diamox เพราะเท่าที่ฟังจากอาการที่ฉันเล่า แฟนฉันน่าจะเข้าข่ายแพ้ความสูงขั้นรุนแรง ซึ่งต้องกิน daimox 250 mg ทุกๆ 12 ชั่วโมง ในขณะที่การกิน 125 mg คือเพื่อป้องกัน ไม่ใช่รักษา (ต้องขอบคุณน้องหมอมา ณ ที่นี้) โชคดีว่าพอเพิ่มยาแล้วอาการดีขึ้น ฉันให้นางนอนเฉยๆตลอดครึ่งเช้า โดยฉันออกไปซื้อยามาเพิ่ม เป็นยาของเปรูชื่อ Sorojchi (แม้ว่าบางรีวิวใน tripadvisor จะบอกว่ามันไม่ค่อยเวิร์คก็ตาม) พร้อมทั้ง oxygen กระป๋อง 2 กระป๋อง เผื่อเกิดอาการหายใจไม่ออกขึ้นมาอีก นอกจากจะกังวลเรื่องสุขภาพแล้ว เช้านั้นชั้นส่งเสื้อให้โรงแรมซัก แต่ดันมานึกออกตอนสายๆว่ามีเงินติดอยู่ในกระเป๋าเสื้อ ... เป็นที่น่าเสียใจมากว่า หาเงินไม่เจอซะแล้ว T.T เศร้าได้อีก Around Cusco บ่ายนั้นเราได้แท็กซี่คันเดิมกับที่มาส่งเมื่อวาน เราไปเที่ยวกันทั้งหมดประมาณสี่ที่ตามที่ครอบคลุมใน pass ที่ซื้อวันแรก อันได้แก่ Saqsayhuman, Qenko, Pucapucara, Tambomachay ส่วนใหญ่ฉันจะเดินเยอะกว่าแล้วให้คนป่วยเดินน้อยๆ นั่งพักรอใกล้ๆปากทาง โดยรวมแล้ว Ruins รอบๆ Cusco นี้ไม่ได้มีอะไรน่าประทับใจมากนัก ยิ่งถ้าไปมาชูปิคชูและโอยันเตตัมโบมาแล้วก็ยิ่งมีข้อเปรียบเทียบ เราจบโปรแกรมทัวร์กันที่โบสถ์ Convento Santo Domingo อันเป็นหนึ่งในสถานที่ใน Cusco ที่ควรแวะ แม้ว่าจะไม่รวมอยู่ใน pass ก็ตาม ที่นี่เป็นโบสถ์เก่าที่สร้างครอบวัดของชาวอินคาอีกที ดังนั้นภายในจึงมีการแสดงกำแพงบางส่วนที่ถูกสร้างโดยชาวอินคาแต่ด้านในห้ามถ่ายรูปเลยค่ะเลยไม่มีมาให้ดู เราทานข้าวเย็นแถวๆนั้นแล้วเดินเล่นกันมาถึงจัตุรัส ก่อนจะเรียกแท็กซี่กลับโรงแรม ตลอดทั้งวันผ่านไปด้วยดีจนมาถึงบันไดเจ้ากรรม 15 ขั้นสุดท้ายนี่แหละ จากเมื่อคืนที่อาการ HAS กำเริบ เราคุยกันว่าถ้าไม่ดีขึ้นอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแผนเพราะเมืองถัดไปของเราคือ Puno ซึ่งสูงกว่า Cusco ซะอีก แต่หลังจากที่เพิ่มยาก็ดูว่าอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เราจึงตัดสินใจไปตามแผนเดิม ... รอดูต่อว่าจะรอดหรือไม่รอดนะคะงานนี้
0 Comments
Leave a Reply. |
Peruปุบปับเปรู Categories |